++ 🙂 ชอบบทความนี้ 🙂 ++
User Review
( votes)แบล็คแจ็ค [ BlackJack 21 ]
แบล็คแจ็ค เกมไพ่ 21 แต้ม เกมไพ่ป๊อก 21 เป็นเกม คาสิโน ยอดฮิตของนักพนันมืออาชีพทั่วโลก ที่สามารถสร้างรายได้เลี้ยงชีพได้ทุกวัน และเป็นเกมไพ่ที่มีผู้เล่นชนะเดิมพันมากที่สุด มีความเป็นไปได้ที่จะชนะเจ้ามือสูงกว่าเกมคาสิโน อื่นๆ เนื่องจากการตัดสินใจเรียกไพ่ขึ้นอยู่กับตัวของผู้เล่นเอง เกม ไพ่แบล็คแจ็ค ยังเป็นที่โด่งดังจากภาพยนตร์เรื่อง Blackjack21 ที่สร้างจากเรื่องจริง โดยนักศึกษามหาวิทยาลัย M.I.T ใช้หลักการคำนวนสถิติและความน่าจะเป็นของไพ่ โดยวิธีนับไพ่ และสร้างรายได้จาก คาสิโนหลายล้านบาท
กติกาการเล่น แบล็คแจ็ค
จุดประสงค์หลักของการเล่นแบล็คแจ็ค คือ ให้ไพ่ที่ถืออยู่ในมือมีแต้มใกล้เคียง 21 แต้มและมากกว่าแต้มไพ่เจ้ามือ ถ้ามีแต้มเท่ากับ 21 แต้มจะเรียกว่า แบล็คแจ็ค ถ้ามากกว่า 21 แต้ม จะเรียกว่า Bust หรือแพ้ทันที กฏข้อการเล่นจะมีอยู่ดังนี้
- เกมแบล็คแจ็ค สามารถใช้ไพ่ได้ตั้งแต่ 1 สำรับ จนถึง 8 สำรับ (1 สำรับ มีไพ่ 52 ใบ)
- ไพ่ Ace-A นับแต้มเท่ากับ 1 หรือ 11 , ไพ่ 2-9 นับแต้มตามหน้าไพ่ , ไพ่ 10 J Q K นับแต้มเท่ากับ 10
- การนับแต้ม นับรวมจากแต้มหน้าไพ่และการได้แต้มเท่ากับ 21 แต้มสูงสุด คือ แบล็คแจ็ค (เรียกอีกอย่างว่า ป๊อก 21) คือต้องมีไพ่ 2 ใบในมือ คือ A กับ 10 J Q K อยู่ในมือ รวมกับได้ 21 แต้ม
- หลังจากที่วางเดิมพันแล้ว ดีลเลอร์จะแจกไพ่ให้ผู้เล่น 2 ใบและแจกให้ตัวดีลเลอร์เอง 2 ใบ หลังจากนั้น ดีลเลอร์จะเปิดไพ่ของตัวเองโชว์ 1 ใบและอีก 1 ใบคว่ำไว้
- ถ้าดีลเลอร์เปิดไพ่โชว์ของตัวเองเป็นไพ่ A (หมายถึงว่าดีลเลอร์มีสิทธิที่จะได้แบล็คแจ็ค) จะมีการรับวางเดิมพันเพิ่ม คือ Insurance (การวางเดิมพันส่วนนี้ต้องไม่เกินครึ่งนึงของเงินวางเดิมพันหลัก) ถ้าดีลเลอร์ได้แบล็คแจ็ค เงินวางเดิมพันส่วน Insurance จะได้ 2 เท่า ผู้เล่นสามารถเลือกวางเดิมพันหรือไม่วางเดิมพันตรงส่วน Insurance ก็ได้
- ถ้าดีลเลอร์เปิดไพ่อีกใบเป็นไพ่ที่มีแต้ม 10 (หลังจากที่เสนอรับวางเดิมพัน Insurance ด้วยไพ่ใบแรกเป็นไพ่ A แล้ว) ดีลเลอร์จะได้ แบล็คแจ็ค ผู้มีวางเดิมพัน Insurance จะได้เงินจากการวาง 2 ต่อ 1 ส่วนเงินที่วางเดิมพันตอนแรกจะเสีย
- จากข้อ 6 ถ้า ดีลเลอร์ได้แบล็คแจ็ค และ ผู้เล่นถือไพ่ 21 แต้มหรือแบล็คแจ็ค อยู่ในมือ จะเสมอไม่ได้ไม่เสีย
- การเริ่มเล่น แบล็คแจ็ค ดีลเลอร์จะเริ่มแจกไพ่ให้กับคนทางซ้ายมือของดีลเลอร์ก่อน แจกตามจำนวนผู้เล่นคนละใบและดีลเลอร์เป็นคนสุดท้ายและเปิดไพ่ของดีลเลอร์โชว์ 1 ใบ
- Stand : หมายถึงผู้เล่นพอใจไพ่ 2 ใบที่อยู่ในมือจะไม่เรียกไพ่เพิ่ม
- Hit : ถ้าผู้เล่นไม่พอใจไพ่ที่ถืออยู่ในมือ ผู้เล่นสามารถเรียกไพ่ได้เรื่อยๆ แต่ถ้าผลรวมของไพ่เกิน 21 แต้ม เมื่อไร ผู้เล่นจะแพ้ทันที
- Double : ผู้เล่นสามารถวางเดิมพันทบได้ แต่สามารถเปิดไพ่ใบเพียงแค่ 1 ใบ เท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าผู้เล่นถือไพ่อยู่ในมือ แต่ 5 , 5 รวมกับได้ 10 แต้ม เรียก Double วางทบอีก 1 เท่า รอลุ้นได้ไพ่แต้ม 10 เช่น 10 J Q K จะได้เท่ากับ 20 แต้ม
- Split : ถ้าผู้เล่นได้ไพ่ คู่ , หรือไพ่แต้ม 10 จำนวน 2 ใบ สามารถแยกไพ่เล่นได้ เหมือนเพิ่มขาเล่นอีก 1 ขา เมื่อแยกไพ่แล้วก็เล่นตามปกติ
- Surrender : ผู้เล่นสามารถยอมแพ้ได้ ถ้าไพ่ในมือ 2 ใบแรกไม่ดี แต่ไพ่ในมือของดีลเลอร์ดี ผู้เล่นจะได้เงินคืนครึ่งนึงจากที่วางเดิมพัน (แล้วแต่โต๊ะที่ให้บริการ)
- เมื่อผู้เล่นเล่นไพ่ของตัวเสร็จเรียบร้อยทุกคน ตาสุดท้ายจะเป็นดีลเลอร์เล่น คือเปิดไพ่อีก 1 ใบที่ปิดไว้ ถ้าผลรวมต่ำกว่า 16 แต้ม ดีลเลอร์จะเรียกไพ่เพิ่มและในอีกกรณี ถ้าดีลเลอร์มีไพ่ A และรวมกับไพ่อะไรอะไรก็ได้ที่ผลรวมเท่า 6 แต้ม (ไพ่ A มีค่าแต้ม 1 หรือ 11 แต้ม เพราะฉะนั้นผลรวมจะเท่ากับ 11 + 6 =Soft 17 ) ดีลเลอร์จะไม่เรียกไพ่เพิ่ม (Stand)
- ถ้าดีลเลอร์เรียกไพ่แล้วมีแต้มเกิน 21 แต้ม ผู้เล่นจะชนะเงินรางวัลทุกท่าน
- ถ้าไพ่ดีลเลอร์ไม่เกิน 21 แต้ม ก็มาวัดผลแพ้ชนะกันที่แต้มไพ่ว่าใครมากว่ากันผู้นั้นเป็นผู้ชนะ
- ถ้าผู้เล่นชนะการเดิมพันที่แต้มไพ่มากกว่าจะได้เงินรางวัลเท่ากับ 1 ต่อ 1 แต่ถ้าผู้เล่นชนะด้วยไพ่ 21 แต้มหรือแบล็คแจ็ค ผู้เล่นจะได้เงินรางวัลเป็น 1.5 เท่า
อัตราการจ่ายออก
อัตราการจ่ายของเกมแบล็คแจ็ค
มือที่ชนะ 1 ต่อ 1
ประกัน 2 ต่อ 1
ไพ่ป๊อก21 3 ต่อ 2
อัตราการจ่ายของเกมข้างเคียง
คู่สีแดง/สีดำ 6 ต่อ 1
คู่สี 12 ต่อ 1
คู่เหมือน 25 ต่อ 1
>>> เทคนิคการเล่นแบล็คแจ็ค <<<
No Responses